เศรษฐศาสตร์ Never Die พี่อยู่ทุกยุค
Student blog — 04/03/2025

เป็นที่ถกเกียงกันในสังคมออนไลน์ว่าเศรษฐศาสตร์ตายไปแล้วหรือเปล่า? หลายคนสงสัยว่าปัจจุบันยังมีคณะเศรษฐศาสตร์อยู่หรือเปล่า? คนจบเศรษฐศาสตร์ทำงานอะไร? เศรษฐศาสตร์ปรับตัวตามกระแสความต้องการของธุรกิจทันไหม? หลากหลายคำถามเหล่านี้บทความนี้จะมาตอบให้กระจ่าง
ก่อนที่จะมีการเรียนการสอนวิชาเศรษฐศาสตร์อย่างจริงจัง ผู้คนอาจจะต้องเผชิญกับการตัดสินใจหลายทางเลือก และต้องการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ตัวเอง แต่ต้องสละทางเลือกอื่นๆไป หรือเรียกว่าได้อย่างเสียอย่าง (Trade-off) จึงเกิดเป็นค่าเสียโอกาสขึ้นมา ตัวอย่างเช่น เช่น นาย เอ ต้องเดินทางไปเรียนหนังสือ มีทางเลือก 2 ทางเลือกคือ ทางเลือกแรกนั่งรถเมล์ไปเรียน เสียค่าเดินทาง 8 บาท ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที ทางเลือกที่สองนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้าง เสียค่าเดินทาง 20 บาท ใช้เวลาเดินทาง 10 นาที หากนายเอเลือกที่จะเดินทางให้ไปเรียนได้เร็วก็ต้องเลือกนั่งรถจักรยานยนต์จะต้องสละทางเลือกนั่งรถเมล์ไปนั่นเอง นอกจากนั้นการตัดสินใจเลือกของมนุษย์ย่อมยุ่งเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรที่บุคคลนั้นมี จากตัวอย่าง นาย เอ ข้างต้น ถ้านาย เอ เลือกนั่งรถจักรยานยนต์จะต้องเสียค่าเดินทาง 20 บาท นั่นคือทรัพยากรที่นาย เอ ต้องเสียไป ทรัพยากรอยู่ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น เงินตรา เวลา ปัจจัยการผลิต เป็นต้น ตอนนี้ทุกท่านน่าจะเข้าใจเบื้องต้นแล้วว่าในอดีตถึงแม้ยังไม่มีวิชาเศรษฐศาสตร์ แต่ในชีวิตคนเรามีเศรษฐศาสตร์อยู่ข้างๆเสมอ
เมื่อเวลาผ่านไปเกิดนักคิด นักปรัชญามากมาย โดยเฉพาะในยุคหลังปฏิวัติอุตสาหกรรม ในปี ค.ศ.1776 โลกได้รู้จักการเดบิวต์ของ Adam Smith บิดาแห่งเศรษฐศาสตร์ยุคใหม่ ผ่านผลงานที่ยังมีตีพิมพ์ถึงปัจจุบันนี้อย่าง “An Inquiry into the Nature and Causes of the Wealth of Nations” หรือชื่อย่อว่า “The Wealth of Nations” ในหนังสือมีหัวข้อทางเศรษฐศาสตร์อย่างมากมาย เช่น การแบ่งงานกันทำ ตลาดเสรี และมือที่มองไม่เห็น เมื่อแนวคิดของ อดัม สมิตเกิดขึ้นมาแล้ว หลังจากนั้นก็มีอีกหลากหลายคนที่เดบิวต์ตามมา ขอยกตัวอย่างชื่อที่น่าจะคุ้นกันอยู่บ้าง เช่น เดวิด ริคาร์โดและจอห์น สจ๊วร์ต มิลล์ แนวคิดของนักเศรษฐศาสตร์ในยุคนั้นคล้ายๆกัน เกิดการรวมตัวกันของแนวคิดแล้วเรียกว่า “เศรษฐศาสตร์สำนักคลาสสิก”
เมื่อผ่านยุคหลังปฏิวัติอุตสาหกรรมมาสักพักใหญ่ เศรษฐกิจโลกก็ต้องพบกับบอสที่สู้ได้ยากอย่าง ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่ใหญ่ที่สุด (The Great Depression) ช่วงปี ค.ศ.1929-1941 ภายใต้วิกฤตเศรษฐกิจ นักเศรษฐศาสตร์คนสำคัญจะเกิดก็ต้องเกิด ในเวลานั้นก็มีหนังสือที่เพิ่มเติมแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ อย่างทฤษฎีทั่วไปเกี่ยวกับการจ้างงาน, ดอกเบี้ย และเงินตรา (The General Theory of Employment, Interest and Money) ของ จอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ ภายหลังนักเศรษฐศาสตร์ต่างยกให้เคนส์เป็นผู้ก่อตั้งสาขาเศรษฐศาสตร์มหภาค (Macroeconomics) หลังจากยุคของเคนส์ ก็มีแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์หลายสำนักเกิดขึ้นมา เพื่อนำแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์มาแก้ปัญหาเศรษฐกิจในช่วงเวลานั้นๆ
จะเกิดปัญหาเศรษฐกิจอย่างไร เศรษฐศาสตร์ก็อยู่รอดมาทุกยุค แม้แต่ยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับสังคม วิถีชีวิตของคน เมื่อปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาทมาก ทำให้บางอาชีพลดการจ้างงานคนแล้วนำ AI มาใช้แทน เศรษฐศาสตร์ก็เข้ามาช่วยหาทางออกให้แก่คนที่ตกงานจาก AI โดยการวางแผนนโยบายพัฒนาทักษะใหม่ๆให้คนตกงาน นอกจากนั้นเศรษฐศาสตร์ยังช่วยผู้ประกอบการให้เข้าใจหลักเศรษฐศาสตร์ของการผลิตและการจัดการทรัพยากรสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าเพิ่ม นอกจากนั้นในยุคดิจิทัล ข้อมูลจำนวนมหาศาล (Big Data) ถูกใช้ในการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ AI สามารถช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ให้มีความแม่นยำและตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เศรษฐศาสตร์ช่วยให้เราเข้าใจถึงการใช้ข้อมูลเหล่านี้ในแง่ของความเสี่ยง การแข่งขัน และผลกระทบในระดับเศรษฐกิจ
เห็นหรือไม่ว่าโลกจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปขนาดไหน เศรษฐศาสตร์ก็ยังคงอยู่ในทุกยุคทุกสมัย เพราะเศรษฐศาสตร์เป็นวิธีคิดที่ถูกต้อง ทำให้จะลงมือทำอะไร ก็มีความเสี่ยงต่ำที่สุด ดังคำที่ว่า “วิธีคิดผ่าน วิธีการมาเอง” ดังนั้นน้องๆจะไม่ผิดหวัง ถ้าเรียนเศรษฐศาสตร์ เพราะพี่อยู่ทุกยุค
Ref : รายการ The Face Thailand
อาจารย์ กิตติวัฒน์ สุวรรณลี
