Blog

วิเคราะห์ผลกระทบภาษีสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจไทย โดย รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ

economics

วิเคราะห์ผลกระทบภาษีสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจไทย โดย รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ

Student blog — 27/08/2025

วิเคราะห์ผลกระทบภาษีสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจไทย โดย รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ
ผลกระทบของอัตราภาษีที่สหรัฐอเมริกาจัดเก็บต่อเศรษฐกิจไทย
บทความนี้กล่าวถึงประเด็นการกำหนดอัตราภาษีของทรัมป์ที่จะส่งผลต่อการค้าระหว่างประเทศระหว่างประเทศไทยกับประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งตลาดสหรัฐอเมริกานับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการค้าระหว่างประเทศของไทย โดยในหลายปีที่ผ่านมา สหรัฐฯเป็นตลาดส่งออกอันดับต้นๆของไทย สินค้าส่งออกหลักที่ไทยส่งไปยังตลาดสหรัฐ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ชิ้นส่วนเสื้อผ้า สิ่งทอ อาหารแปรรูป และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น โดยการประกาศจัดเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้าทั่วโลก ที่ส่งสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกานั้น ผู้ส่งออกไทยต่างก็มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราภาษีว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคการค้าระหว่างประเทศของไทยในทิศทางใด

รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ถ้าประเทศไทยจะเสนอให้มีการลดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐอเมริกา 0% เพื่อเปิดตลาดให้กับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ อาจทำให้มีการลดกำแพงภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯลงมาในระดับใกล้เคียงกับประเทศอาเซียน อย่าง เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย ได้ ทำให้ลดความรุนแรงของภาษีตอบโต้ทางการค้าที่ระดับ 36% ต่อภาคส่งออกไทย อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดหากไทยไม่ได้ลดภาษีจากระดับ 36% จะทำให้มูลค่าส่งออกไทยสูญเสียหลายแสนล้านบาทในระยะยาว
ส่วนการเปิดตลาดให้สหรัฐฯด้วยการลดภาษีนำเข้า 0% เพื่อแลกกับการลดภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯอาจจะสร้างปัญหาอีกด้านหนึ่ง มีผลกระทบต่อภาคการผลิตภายในที่ปรับตัวไม่ได้แข่งขันไม่ได้และผลต่อตลาดแรงงาน และปัญหาอาจใหญ่กว่าหากไม่มีมาตรการรองรับผลกระทบให้ดี หวั่นสินค้าสหรัฐฯทะลักเฉพาะสินค้าเกษตรสหรัฐฯอาจเพิ่มกว่า 100% กระทบผู้ผลิตภายในรุนแรง ภาวะดังกล่าวจะซ้ำเติมสถานการณ์ที่ผู้ผลิตภายในต้องเผชิญสินค้าทุ่มตลาดจากจีนอยู่แล้ว

สำหรับการพิจารณาผลกระทบของภาษีทรัมป์ต่อตลาดแรงงานไทยโดยภาพรวมยังไม่รุนแรง และยังคงอยู่ในขอบเขตจำกัด โอกาสเกิดวิกฤติการจ้างงานเกิดขึ้นในเพียง 4 สาขา คือ 1) การผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 2) กิจการก่อสร้าง 3) กิจการที่พักแรม และ 4) กิจการบริการอาหาร จากข้อมูลการเตือนภัยด้านแรงงาน ของ กระทรวงแรงงาน พบว่า การประมาณการโอกาสเกิดวิกฤตการจ้างงานในระยะเวลา 4 ไตรมาสข้างหน้า อยู่ที่ร้อยละ 25.51% ขณะที่การว่างงานของผู้ที่เคยเป็นลูกจ้างเอกชนอยู่ในเหตุการณ์ปกติร้อยละ 84.09 และมีโอกาสเกิดวิกฤติการว่างงาน ร้อยละ 5.35 ข้อมูลสถานการณ์การจ้างงานของกระทรวงแรงงานในไตรมาสแรก มีจำนวนผู้มีงานทำ 39.38 ล้านคน คิดเป็นลูกจ้างเอกชน 16.08 ล้านคน อัตราการว่างงานอยู่ที่ 0.9% มีจำนวนผู้ว่างงาน 357,731 คน อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวลงของภาคส่งออก ภาคการผลิต ภาคการลงทุน จะทำให้อัตราการว่างงานโดยรวมในช่วงที่เหลือของปีเพิ่มขึ้น สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อส่งเสริมการจ้างงานช่วยบรรเทาปัญหาได้ระดับหนึ่ง ข้อมูลระบบเตือนภัยด้านแรงงานของกระทรวงแรงงานบ่งชี้และคาดการณ์ว่า การว่างงานและเลิกจ้างช่วงเดือน มิ.ย. – ส.ค. ปีนี้เพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์ปรกติยังไม่วิกฤติ ว่างงานเพิ่มขึ้นไม่เกิน 50,000 คนและเลิกจ้าง มิ.ย.-ส.ค. ไม่เกิน 20,000 คน โดยการว่างงานเดือน มิ.ย. ก.ค. และ ส.ค. 2568 คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 11,622 คน (+5.04%) 12,423 คน (+5.27%) และ 22,598 (+9.80%) จากเดือนเดียวกันเมื่อปีก่อนตามลำดับ และ การเลิกจ้างเดือน มิ.ย. ก.ค. และ ส.ค. 2568 คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 5,926 คน (+23.55%) 5,996 คน (+15.38%) และ 5,438 คน (20.72%) จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ เมื่อพิจารณาจากการคาดการณ์ของรายงานเตือนภัยด้านแรงงานจะเห็นว่า การว่างงานและเลิกจ้างยังไม่รุนแรงถึงขั้นวิกฤติ แต่ตัวเลขว่างงานและเลิกจ้างเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งมีความจำเป็นที่รัฐบาลต้องมีมาตรการรองรับผลกระทบดังกล่าว และมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรักษาระดับการจ้างงาน ในส่วนของการดูแลสิทธิประโยชน์ผู้ว่างงานนั้น ล่าสุด ทางสำนักงานประกันสังคมได้ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์การว่างงานให้กับผู้ประกันตน ส่วนแรงงานอิสระและรับจ้างทั่วไปที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคมอาจได้รับความยากลำบากทางเศรษฐกิจ เพราะไม่มีสิทธิประโยชน์ในส่วนนี้ ซึ่งรัฐควรมีโครงการหรือมาตรการดูแลเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ข่าวล่าสุดขณะที่เขียนบทความนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยเดิมที่กำหนดไว้ 36% มาเป็น 19% ซึ่งถือเป็นทิศทางที่ดีต่อการส่งออกสินค้าไทยไปตลาดประเทศสหรัฐอเมริกา โดยจากนี้ การค้าระหว่างประเทศระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกาจะเป็นไปในทิศทางใด โปรดติดตามบมตความต่อๆไปจากคณะเศรษฐศาสตร์ หอการค้าไทย

1 กล่าวในวันที่ 20 กรกฎาคม 2568

ผู้เขียน : รองศาสตราจารย์ ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์

แชร์บทความนี้

หลักสูตร